การออกแบบและพัฒนาภาระงาน
HerTain, J., Aschbacher, P. R., and Winters, L.(1992 อ้างถึงใน ชอบ ลีซอ (2555) การประเมินตามสภาพจริง
สํานักทดสอบทางการศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ) การออกแบบและพัฒนาภาระงาน
ต้องอาศัยหลักวิชา การวิเคราะห์ ความคิดสร้างสรรค์และความเชี่ยวชาญในระดับมืออาชีพ
ขั้นตอนการสร้างภาระงานมีดังต่อไปนี้
1. การระบุความรู้และทักษะที่ผู้เรียนจะเรียนรู้จากการปฏิบัติงาน โดยเริ่มจากพิจารณาและ 4.พรงานการเรียนรู้ในหลักสูตร
ผลการเรียนที่คาดหวัง หรือวัตถุประสงค์การเรียนรู้ เพื่อที่จะ
กระบขอบเขตและประเภทของความรู้ ทักษะ และคุณลักษณะที่พึงประสงค์
ผู้สอนควรตั้งปัญหาถามตนเอง 5 ข้อเพื่อที่จะระบุหรือกําหนดความรู้และความสามารถที่ผู้เรียน
จะได้รับจากการปฏิบัติภาระงาน คือ
1) ทักษะทางปัญญาและคุณลักษณะที่สําคัญที่ต้องการให้ผู้เรียนได้ฝึกและพัฒนาคืออะไร
เช่น การสื่อสารด้วยการเขียนอย่างชัดเจนและมีประสิทธิภาพ
การวิเคราะห์ประเด็นปัญหาโดยใช้ข้อมูลขั้น ปรมกมิและจากเอกสารอ้างอิง
การใช้หลักพีชคณิตเพื่อแก้ปัญหาในชีวิตประจําวัน เป็นต้น
2) ทักษะและคุณลักษณะทางสังคม
และจิตพิสัยที่ต้องการพัฒนาให้ผู้เรียน คืออะไร เช่น การทํางานโดยอิสระ
การปฏิบัติโดยร่วมมือกับผู้อื่น ความมั่นใจในความสามารถของตน และการรู้จัก
รับผิดชอบ เป็นต้น
3) ทักษะความคิดระดับสูงและอภิปัญญา
(Meta-cognition) ที่ต้องการพัฒนาให้ผู้เรียนคือ อะไร
เช่น การใคร่ครวญ ตรึกตรอง ทบทวนกระบวนการทํางานของตน(ผู้เรียน)
การประเมินประสิทธิภาพ ของกลวิธีที่ตน(ผู้เรียน)ใช้
การพิจารณาและประเมินความก้าวหน้าของตนเอง(ผู้เรียนเป็นระยะ ๆ เป็นต้น
4) ความสามารถที่ต้องการให้ผู้เรียนมีความสามารถอะไร
เช่นความสามารถในการวางแผน ศึกษาค้นเพื่อหาคําตอบให้กับประเด็นปัญหาที่กําหนดให้
ความสามารถจําแนกประเภทปัญหาที่สามารถใช้ หลักการทางเรขาคณิตแก้ได้
การแก้ปัญหาที่ไม่มีคําตอบที่ถูกต้องแน่ชัด เป็นต้น
5) หลักการทางวิชาการและความคิดรวบยอดที่ต้องการให้ผู้เรียนสามารถประยุกต์ใช้คือ
อะไร เช่น การใช้หลักการทางนิเวศวิทยากําหนดแนวปฏิบัติในการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์
การใช้หลัก คณิตศาสตร์ไตรยางค์ในการแก้ปัญหาเรื่องการซื้อขาย เป็นต้น
2. ออกแบบภาระงานที่ผู้เรียนต้องใช้ความรู้และทักษะ (จากข้อ 1) ลักษณะสําคัญของงานคือ
ต้องกระตุ้นหรือสร้างแรงจูงใจให้กับผู้เรียน มีความท้าทาย
แต่ไม่ยากเกินไปจนผู้เรียนทําไม่ได้ และใน
ขณะเดียวกันต้องครอบคลุมสาระสําคัญทางวิชาและทักษะที่ลึกซึ้ง
เพื่อให้สามารถนําผลการประเมินไปใช้ได้ อย่างสมเหตุสมผลและน่าเชื่อถือ
Herman et al. (1992) ได้เสนอประเด็นคําถามสําคัญเพื่อให้ผู้สอนพิจารณาในขั้นตอนนี้
คือ
1) เวลา
จะต้องใช้เวลาเท่าไร ผู้เรียนจะพัฒนาความรู้และทักษะที่เป็นเป้าหมายของการ
ปฏิบัติงานในระยะเวลาเท่าไรจึงจะเหมาะสม เนื่องจากการพัฒนาความคิดรวบยอดที่สําคัญและทักษะ
กระบวนการคิดระดับสูง ความรู้ทักษะมักจะใช้ระยะเวลาในการเรียนรู้ยาวนานพอสมควร
ผู้สอน ผู้ออกแบบ
ควรจะกําหนดเวลาที่เหมาะสมตามประเภทของสาระสําคัญและความลึกซึ้งของทักษะ
และวัยระดับชั้นเรียน หรือพัฒนาการด้านสติปัญญาของผู้เรียน
2) จะมีหลักการอย่างไร
ในการเลือก ความรู้ ทักษะ และคุณลักษณะที่พึงประสงค์ที่มีค่า มากและหลากหลาย
เพื่อให้เหมาะสมกับระยะเวลาที่กําหนด หลักการสําคัญคือพิจารณาจากมาตระ เรียนรู้
ให้ความสําคัญกับความรู้ ทักษะ
และคุณลักษณะที่พึงประสงค์ที่สอดคล้องกับมาตรฐานการเรียนรู้ หลักสูตรสถานศึกษา
และความรู้ ทักษะ และคุณลักษณะที่พึงประสงค์ที่มีขอบเขตการใช้ประโย544 กว้างขวาง และใช้ได้ในสถานการณ์ที่หลากหลาย
3) พิจารณาโลกแห่งความเป็นจริง
ผู้สอน ผู้ออกแบบควรให้ความสําคัญต่อความรู้ ทักษะและ
คุณลักษณะที่สอดคล้องกับความเป็นจริง ไม่ควรให้ความสนใจกับสิ่งที่เป็นเพียงอุดมคติแต่ไม่สามารถบรร
ได้ในความเป็นจริง
3. การกําหนดเกณฑ์การให้คะแนน (Rubrics) หรือเกณฑ์การประเมินที่ชัดเจน
เป็นปรนัย เป็นที่ ยอมรับ
และสามารถสะท้อนให้เห็นถึงระดับของผลสัมฤทธิ์ทางด้านความรู้ ทักษะ
และคุณลักษณะที่พึง ประสงค์ เกณฑ์การให้คะแนนส่วนมากมักจะอยู่ในรูปตาราง 2 มิติ ประกอบด้วย 1
ส่วนหัวของ Rows จะแสดงระดับคุณภาพของความรู้
ทักษะหรือความสามารถของแต่ละ Column จํานวน Rows จะขึ้นอยู่กับจํานวนของระดับคุณภาพที่ต้องการใช้และส่วนมากจะอยู่ระหว่าง 2-3 ระดับ
ช่องแต่ละช่องในตารางจะมีคําบรรยายถึงระดับคุณภาพแต่ละระดับของความรู้
ทักษะ หรือ ความสามารถที่ประเมินภาระงานแต่ละชิ้นควรจะมีเกณฑ์การประเมินเฉพาะตัว
เกณฑ์การประเมินที่
ออกแบบมาอย่างดีจะให้ข้อมูลแก่ผู้เรียนว่าจะต้องแสดงความสามารถด้านใดออกมาในระดับใดจึงจะได้
คะแนนเท่าไร
เกณฑ์การประเมินยังเป็นเครื่องมือให้ผู้สอนสามารถประเมินผู้เรียนอย่างเป็นปรนัยและได้ผล
การประเมินที่น่าเชื่อถือ นอกจากนี้
ควรจะมีตัวอย่างผลงานพร้อมทั้งระดับคะแนนแต่ละด้านให้นักเรียนได้ ศึกษาประกอบด้วย
''หมายเหตุ ผู้สอน ผู้ออกแบบควรจะภาระงานไปทําการตรวจสอบทบทวน
แล้วนําไปทดลองเรา ในภาคสนาม นําผลกลับมาศึกษาวิเคราะห์ และปรับปรุงแก้ไข
ก่อนจะนําไปใช้ในสถานการณ์จริงต่อไป''
เกล็ดความรู้เพิ่มเติม
rubric scoring เป็นการประเมินผลทางการศึกษาประเภทหนึ่ง
ส่วนใหญ่นิยมใช้ประเมิน ทักษะพิสัย ก็คือเป็นแบบสอบแบบ rating
scale ชนิดหนึ่ง
ที่ให้กลุ่มเป้าหมายให้คะแนนตามทักษะที่ทำได้คือ 5 4 3 2 1(หรืออาจต่างจากนี้ก็ได้)ไปเรื่อยๆ โดยกำหนดคะแนนเป็นด้านบวกและลบขึ้นมา
ตัวอย่าง รูบิคการทำการบ้านวิทยาศาสตร์
ชื่อ -
สกุล........................................ชื่อ อาจารย์ที่ปรึกษา
....................................................
วัน เดือน ปี
ที่นำเสนอ......................... ชื่อ
หัวข้องานที่นำเสนอ.................................................
เกณฑ์
|
คะแนน
|
||||
4
|
3
|
2
|
1
|
||
ความสำเร็จของงาน
|
ทำงานเสร็จตามที่ มอบหมายทุกข้อ
|
ทำงานเสร็จตามที่ มอบหมาย 9ใน 10 ข้อ
|
ทำงานเสร็จตามที่ มอบหมายประมาณครึ่งหนึ่ง
|
ทำงานเสร็จตามที่ มอบหมายน้อยกว่าครึ่งหนึ่ง
|
____
|
ความถูกต้อง
ชัดเจน
|
ทำงานได้อย่าง
ถูกต้องทุกข้อ
|
ทำงานได้อย่าง
ถูกต้อง 9 ใน10 ข้อ
|
ทำงานได้อย่าง
ถูกต้องระหว่างครึ่งหนึ่ง
ถึง 9ใน 10 ข้อ
|
ทำงานได้อย่าง
ถูกต้องน้อยกว่า
ครึ่งหนึ่ง
|
____
|
ความเข้าใจในการแก้โจทย์ปัญหา
|
คำตอบแสดงให้เห็นความเข้าใจโจทย์ปัญหา
ความคิดรวบยอดปัญหาอย่างสมบูรณ์
|
คำตอบแสดงให้เห็นความเข้าใจโจทย์ปัญหาความคิดรวบยอดและวิธีแก้โจทย์ปัญหาได้ค่อนข้างมาก
|
คำตอบแสดงให้เห็นความเข้าใจในการแก้ไขโจทย์ปัญหาได้ในบางส่วน
|
คำตอบแสดงให้เห็นการขาดความเข้าใจในการแก้ไขโจทย์ปัญหา
|
____
|
ความชัดเจนของการเขียน
|
ลายมือมีความชัดเจนอ่านง่าย
|
ลายมือค่อนข้างอ่านได้ง่าย
|
ลายมืออ่านยากในหลายๆ จุด
|
ลายมืออ่านยาก
|
____
|
รวมคะแนน
|
____
|
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น